ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

มางาน Barcamp Songkhla กันเถิด

เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วสงขลาได้มีงาน Barcamp Songkhla ขึ้นเป็นครั้งแรกโดย Mr.Joh เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก และผมก็ได้รู้จัก Barcamp ครั้งแรกกับ Mr.Joh นี่เอง ตอนนั้นไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ช่วยแก้โปรแกรมบ้างๆ เล็กๆ น้อยๆ สำหรับหน้า register ในครั้งนั้นผมไม้ได้ร่วมงานตลอดทั้งวันเนื่องจากติดภาระกิจ แต่จำได้ว่า ตัวงานแอบแป๊กเล็กน้อย เนื่องจากคนที่เข้าร่วมงานยังไม่เข้าใจหลักการของ Barcamp ดีพอ เนื่องจากคุ้นเคยกับการอบรมสัมนาที่มีอยู่ในปัจจุบัน หัวข้อที่เราได้มาในวันนั้นจึงน้อยมาก แต่ก็นั้นแหละ Barcamp ไม่มีรู้แบบที่แน่นนอนอยู่แล้ว ออกมาเป็นอีกรูปแบบก็เป็นที่ทางออกที่ดี

สำหรับคราวนี่ทีมงานหลายๆ คนได้คิดจะจัดกันเป็นครั้งที่ 2 แต่ด้วยระยะเวลาอันสั้นที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากปีนี้หาดใหญ่มีน้ำท่วมใหญ่ทำให้หลายๆ คนต้องเรียนกันหามรุ่งหามค่ำเพื่อที่จะให้ทันการสอบที่จะเริ่มขึ้นในปลายปีนี้ ประกอบกับสปอนเซอร์ที่อยากได้มาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการจัดงานในหาดใหญ่นั้นเป็นไปได้น้อย เพราะรู้จักคนน้อยและผู้ใหญ่ทั้งหลายยังไม่คุ้นเคยกับงานในลักษณะนี้ เนื่องจากงานนี้ตั้งใจให้จัดออกนอกมหาวิทยาลัย (ถ้าอยู่ในนามมหาวิทยาลัยจะของ่ายหน่อย) ก็ยิ่งยากเป็นเท่าตัว แต่อย่างไรก็ตามงานก็จะต้องจัดให้ได้ในวันที่ 15 มกราคม 2553 นี่

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักว่า barcamp คืออะไร สามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้ที่ What is Barcamp โดยคร่าวๆ แล้ว Barcamp มีหลักง่ายๆ คือ ทุกคนที่มาร่วมงานคือผู้จัดงาน ดังนั้นตัวงานเองจะดำเนินไปตามที่ผู้ร่วมจัดทุกคนต้องการ เพียงแค่ทุกคนมีหัวใจที่จะทำให้ barcamp เกิดขึ้นเพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้ว เมื่ออยู่ในงานก็พยายามถ่ายทอดความรู้ที่อยู่ในงานออกไปให้คนอื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมงานได้รับรู้ รับทราบความเป็นไปของ barcamp ด้วย ซึ่งการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ผู้ดำเนินงานหลักจะมีกำลังไม่มากพอที่จะทำทุกๆ อย่างซึ่งผู้เข้าร่วมงานก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านี้ออกไป แต่ก็นั้นแหละการที่จะทำให้ชาวหาดใหญ่เข้าใจงานประเภทนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน เนื่องจากการการเรียนรู้ที่หาดใหญ่จะเป็นแบบตั้งรับมากกว่าที่จะมาดำเนินงานด้วยตัวเอง ต้องมีเจ้าภาพจัดงานจึงจะดำเนินงานได้ด้วยดี ซึ่งผมเห็นว่ามันตรงข้ามกับ barcamp โดยสิ้นเชิง อีกทั้งงานนี้หัวข้อที่จะรับฟังจะมาจากผู้ที่เข้าร่วมงานไม่ได้เชิญวิทยากรผู้มีชื่อเสียงมาแต่อย่างใด จึงอาจจะไม่น่าสนใจสำหรับคนที่คุ้นเคยงานอบรมแบบเดิมๆ

อย่างไรก็ตามงาน Barcamp Songkhla ก็จะต้องเดินหน้าต่อไปให้ถึงจุดหมายให้ได้เพื่อยกระดับความรู้ความเข้าใจให้ชาวหาดใหญ่โดยเฉพาะน้องๆ นักเรียน นักศึกษาเข้าใจและเข้าถึงงานประเภทนี้ และเรียนรู้ที่จะเรียนรู้นอกห้องเรียนมากกว่าการเรียนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขณะนี้ทางผู้ประสานงานกิจกรรมยังต้องการผู้ร่วมจัดงานที่สนับสนุนกิจกรรมอีกมาก(อย่างน้อยก็น่าจะมีข้าวฟรีในงานซึ่งตอนนี้ยังหาไม่ได้) หากท่านใดต้องหารสนับสนุนสามารถติดต่อได้ที่ info@barcampsongkhla.org มาร่วมสนับสนุนกิจกรรมของชาวหาดใหญ่กันนะครับ

สำหรับท่านใดที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถเข้าร่วมได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนเรื่องอาหารและเครื่องดื่มกำลังหาผู้สนับสนุนกิจกรรมอยู่ครับ ( หากไม่มีคงจะต้องตัวใครตัวมัน :D ) ทุกท่านสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรีที่ หน้าลงทะเบียน ส่วนใครที่จะเข้าร่วมงานนี้บ้างดูได้ที่ Who’s coming ความสนุกของ barcamp อยู่ที่ทุกคนที่เข้าร่วมงานครับ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวเอ๋ยตัวผม

กลอนนี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเขียนขึ้นมาในห้องเรียนวิชาสัมนา 1 เพราะอาจารย์อยากให้แนะนำตัวเองเป็นกลอน ไม่รู้จะแต่งว่าไงเลยแต่งออกมาเป็นดอกสร้อย เห็นว่าพอใช้ได้เลยเอามาลงไว้เป็นอนุสร ๏ ตัวเอ๋ยตัวผม นิยมในพระพุทธศาสนา ตั้งจิตตั้งใจตั้งหน้า ใฝ่หาความรู้สู่ตน ตั้งใจศึกษาให้เชี่ยวชาญ ชำนาญในศาสตร์ที่ฝึกฝน ฝึกจิตฝึกสันดานให้เป็นคน เป็นชนในชาติที่ดีเอย ๚ะ๛

บันทึกการจัดงานศพ: พิธีฌาปนกิจศพ

ตรงส่วนนี้คงจะเขียนเกี่ยวกับพิธียกศพออกจากบ้าน และเกร็ดต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากที่จัดงานจะไม่นิยมไว้ศพที่วัด จะไว้ศพที่บ้าน และถ้าเป็นไปได้จะไว้ศพในบ้านเสียด้วยซ่ำ เมื่อถึงวันฌาปนกิจศพ หรือเผาศพ ก็จะมีการเซ่นไหว้ครั้งใหญ่ก่อนเคลื่อนย้ายศพไปวัดเพื่อฌาปนกิจ เครื่องเซ่นไว้จะประกอบไปด้วย ข้าว 5 ถ้วย กับข้าว 5 อย่าง หัวหมู ไก่ต้ม ไข่ต้ม หมูสามชั้นต้ม หมี่เหลืองผัด กุ้ง หอย ปู ปลา ผลไม้ 5 อย่าง ขนมขึ้น เมื่อมีการเซ่นไหว้ทุกครั้งจะต้องมี สัปรด น้ำชา 3 จอก เหล้าขาว 5 จอก(หลานๆ บอกว่าเจ็คไม่กินเหล้าขาว แต่มีคนบอกว่าเป็นการไหว้ตามประเพณี ^^ ) ซึ่งแต่ละอย่างมีความหมาย แต่ผมจำไม่ได้ต้องหาอีกครั้งนึง ตัวอย่างเครื่องเซ่นไหว้ เมื่อถึงพิธีเซ่นไหว้ จะมีการเซ่นไหว้โดยแบ่งออกเป็นคณะ แต่เพื่อความสะดวกและรวบรัดจึงมีการไหว้เพียงไม่กี่คณะ ซึ่งก็เหมือนเดิมคือผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่าจะไม่รวมการเซ่นไหว้ครั้งนี้ คณะแรกจะเป็นผู้ไกล้ชิดผู้ตายมากที่สุดเริ่มตั้งแต่ลูกและภรรยา หลังจากนั้นก็จะเป็นน้องๆ แล้วก็หลานๆ และก็มิตรรักและผู้คนที่นับถือผู้ตาย หากเป็นเมื่อสมัยก่อนนั้น ต้องแยกออกเป็นเขย เป็นสะไภ้ ไหว้กันหลายยกหล

ด้วยระลึกถึงคุณย่า บันทึกจากความทรงจำ

บันทึกนี้เขียนขึ้นเพื่อบันทึกความทรงจำของผมที่มีต่อคุณย่าที่ล่วงลับไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนคืน คุณย่าเปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ร้อยครอบครัวใหญ่ของเราเอาไว้ไม่ให้แตกแยก หลังจากที่เสียคุณปู่ไปเมื่อ 23 ปีก่อน เนื่องจากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต มีชาวจีนอาศัยอยู่มาก แต่มักจะเป็นชาวจีนที่อพยพมาไทยนานแล้ว จากการการสังเกตของผม ชาวจีนแถบนี้โดยมากน่าจะเป็นชาว เปอรานากัน หรือชาวจีนที่อพยพมาจากจีนแล้วตั้งถิ่นฐานอยู่ในแหลมลายูหรืออินโดนีเซีย แล้วหลังจากนั้นจึงอพยพมาอาศัยต่อที่ประเทศไทย จากการบอกเล่าของคุณแม่ ก๋งเคยเล่าให้ฟังว่าตอนยังเด็กเคยแจวเรือจ้างอยู่ที่ปีนัง คุณย่าเคยเล่าว่าเป็นชาวฮกเกี้ยน อีกทั้วจากรูปวาดคุณย่าทวดที่มีการเกล้ามวยผม สวมเสื้อคอลึก ส่วนทางบ้านมีการใช้คำเรียกจีนผสมไทยถิ่นใต้อยู่มาก ผู้หญิงทุกคนนิยมสวมผ้าปาเต๊ะ เสื้อลูกไม้ (เสื้อฉลุลายดอกไม้) อาหารการกินเป็นแบบชาวไทยถิ่นใต้ทุกประการ (กินน้ำพริก แกงส้มเก่งกันทุกคน ยกเว้นก๋ง :D) อีกทั้งก๋งเกิดที่ดินแดนแถบนี้ไม่ได้เดินทางมาจากเมืองจีน (บางทีเรียก เตี่ยต่อเตี่ย คือ ทวดมาจากจีน ส่วนสถานที่เกิดไม่แน่ใจว่าเป็นปีนังหรือไทย)