ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เศร้าเรื่องไทย

๏ ประเทศไทยแหลมทองผ่องโสภา
ศิลปะ วัฒนธรรม เลิศล้ำค่า
งามสง่าดังเมืองเทพเมืองสวรรค์
๏ มาวันนี้ไทยนั้นกลับหมองหม่น
ประชาชนหม่นเศร้าชังชนชั้น
แตกออกเป็นฝักฝ่ายกล่าวหากัน
ทั้งโรมรัน ไทยนั้น ฆ่ากันเอง
๏ พฤษภามหาวิปโยค
ไทยเศร้าโศกเพราะไทยถูกข่มเหง
ไทยล้างไทย เลือดไทย ต้องละเลง
ใยไม่เกรง คนไทย ไร้แผ่นดิน
๏ ไม่พอใจใช้ไฟตามไล่เผา
อีกขลาดเขลาปล้นชิงลักทรัพย์สิน
อีกทำร้าย ทำลาย หลายชีวิน
ขจัดสิ้น ความสงบ แลร่มเย็น
๏ อยู่แผ่นดินถิ่นไทยมาหลายปี
ไร้ศัตรูย่ำยีไร้ทุกข์เข็ญ
เพราะบารมี พ่อหลวง พ้นลำเค็ญ
ไทยจึงเป็นชาติไทยที่มั่นคง
๏ พระราชทานต้นทุนทางความคิด
เป็นภาษิตประเสริฐค่าอันสูงส่ง
เป็นแกนหลักนำไทยให้ยืนยง
ไทยมั่นคงเพราะรู้จักความพอเพียง
๏ พ่อพร่ำสอนให้รู้จักซึ่งหน้าที่
แต่ไทยนี้รู้จักแต่สิทธิ์เสียง
ไม่ต้องใจใครเขาไม่ไล่เรียง
จะถกเถียงกันไปทำไมกัน
๏ ขอเถิดเพื่อนไทยตั้งสติ
ละทิฐิ ตั้งจิต ทิ้งโมหัน
ตริตรองความ ถูกหรือไม่ อย่างไรนั้น
จะประจัญหน้ากันไปทำไม
๏ เรื่องทุกข์ร้อนร้องเรียนตามวิถี
ตามวิธีธรรมนูญนั้นว่าไว้
รู้จักสิทธิ์ รู้ใช้สิทธิ์ ตรึงติดใจ
เคารพสิทธิ์ กันได้ เป็นการดี
๏ เป็นการดีที่เข้าใจในระบอบ
ให้รอบคอบ ครบถ้วน ถูกถ้วนถี่
ลดอัตาธิปไตยทุกพื้นที่
เราจะมี ประชาธิปไตย อันสมบูรณ์
๏ ร่วมปรองดอง สามัคคี สมานฉันท์
มาร่วมกัน ประครองชาติ ไม่ให้ศูนย์
มีเมตตา น้ำใจ จิตเกื้อกูล
สิ้นอาดูรเสียทีพี่น้องไทย
๏ เหล่าบัณฑิตพึ่งเป็นแสงส่องสังคม
ส่องปัญญาหมู่ชนให้ผ่องใส
จงเร่งมือถือประโยชน์ชนส่วนใหญ่
ดังปฏิญาณตนไว้แก่ผองชน
๏ มาร่วมกันสร้างชาติไทยเพื่อในหลวง
ให้พระองค์ชื่นทรวงสุขท้วมท้น
ทำความดีในปีมหามงคล
ให้ได้ยลพ่อเราทรงสราน
๏ ขออำนาจคุณพระรัตนไตย
ทั้งเทพไท้เทวาทุกสถาน
จงคุ้มครองชาติไทยให้ยืนนาน
เป็นแผ่นดินสุขศานติ์ทุกการณ์เอย ๚ะ๛

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวเอ๋ยตัวผม

กลอนนี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเขียนขึ้นมาในห้องเรียนวิชาสัมนา 1 เพราะอาจารย์อยากให้แนะนำตัวเองเป็นกลอน ไม่รู้จะแต่งว่าไงเลยแต่งออกมาเป็นดอกสร้อย เห็นว่าพอใช้ได้เลยเอามาลงไว้เป็นอนุสร ๏ ตัวเอ๋ยตัวผม นิยมในพระพุทธศาสนา ตั้งจิตตั้งใจตั้งหน้า ใฝ่หาความรู้สู่ตน ตั้งใจศึกษาให้เชี่ยวชาญ ชำนาญในศาสตร์ที่ฝึกฝน ฝึกจิตฝึกสันดานให้เป็นคน เป็นชนในชาติที่ดีเอย ๚ะ๛

บันทึกการจัดงานศพ: พิธีฌาปนกิจศพ

ตรงส่วนนี้คงจะเขียนเกี่ยวกับพิธียกศพออกจากบ้าน และเกร็ดต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากที่จัดงานจะไม่นิยมไว้ศพที่วัด จะไว้ศพที่บ้าน และถ้าเป็นไปได้จะไว้ศพในบ้านเสียด้วยซ่ำ เมื่อถึงวันฌาปนกิจศพ หรือเผาศพ ก็จะมีการเซ่นไหว้ครั้งใหญ่ก่อนเคลื่อนย้ายศพไปวัดเพื่อฌาปนกิจ เครื่องเซ่นไว้จะประกอบไปด้วย ข้าว 5 ถ้วย กับข้าว 5 อย่าง หัวหมู ไก่ต้ม ไข่ต้ม หมูสามชั้นต้ม หมี่เหลืองผัด กุ้ง หอย ปู ปลา ผลไม้ 5 อย่าง ขนมขึ้น เมื่อมีการเซ่นไหว้ทุกครั้งจะต้องมี สัปรด น้ำชา 3 จอก เหล้าขาว 5 จอก(หลานๆ บอกว่าเจ็คไม่กินเหล้าขาว แต่มีคนบอกว่าเป็นการไหว้ตามประเพณี ^^ ) ซึ่งแต่ละอย่างมีความหมาย แต่ผมจำไม่ได้ต้องหาอีกครั้งนึง ตัวอย่างเครื่องเซ่นไหว้ เมื่อถึงพิธีเซ่นไหว้ จะมีการเซ่นไหว้โดยแบ่งออกเป็นคณะ แต่เพื่อความสะดวกและรวบรัดจึงมีการไหว้เพียงไม่กี่คณะ ซึ่งก็เหมือนเดิมคือผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่าจะไม่รวมการเซ่นไหว้ครั้งนี้ คณะแรกจะเป็นผู้ไกล้ชิดผู้ตายมากที่สุดเริ่มตั้งแต่ลูกและภรรยา หลังจากนั้นก็จะเป็นน้องๆ แล้วก็หลานๆ และก็มิตรรักและผู้คนที่นับถือผู้ตาย หากเป็นเมื่อสมัยก่อนนั้น ต้องแยกออกเป็นเขย เป็นสะไภ้ ไหว้กันหลายยกหล

ด้วยระลึกถึงคุณย่า บันทึกจากความทรงจำ

บันทึกนี้เขียนขึ้นเพื่อบันทึกความทรงจำของผมที่มีต่อคุณย่าที่ล่วงลับไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนคืน คุณย่าเปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ร้อยครอบครัวใหญ่ของเราเอาไว้ไม่ให้แตกแยก หลังจากที่เสียคุณปู่ไปเมื่อ 23 ปีก่อน เนื่องจากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต มีชาวจีนอาศัยอยู่มาก แต่มักจะเป็นชาวจีนที่อพยพมาไทยนานแล้ว จากการการสังเกตของผม ชาวจีนแถบนี้โดยมากน่าจะเป็นชาว เปอรานากัน หรือชาวจีนที่อพยพมาจากจีนแล้วตั้งถิ่นฐานอยู่ในแหลมลายูหรืออินโดนีเซีย แล้วหลังจากนั้นจึงอพยพมาอาศัยต่อที่ประเทศไทย จากการบอกเล่าของคุณแม่ ก๋งเคยเล่าให้ฟังว่าตอนยังเด็กเคยแจวเรือจ้างอยู่ที่ปีนัง คุณย่าเคยเล่าว่าเป็นชาวฮกเกี้ยน อีกทั้วจากรูปวาดคุณย่าทวดที่มีการเกล้ามวยผม สวมเสื้อคอลึก ส่วนทางบ้านมีการใช้คำเรียกจีนผสมไทยถิ่นใต้อยู่มาก ผู้หญิงทุกคนนิยมสวมผ้าปาเต๊ะ เสื้อลูกไม้ (เสื้อฉลุลายดอกไม้) อาหารการกินเป็นแบบชาวไทยถิ่นใต้ทุกประการ (กินน้ำพริก แกงส้มเก่งกันทุกคน ยกเว้นก๋ง :D) อีกทั้งก๋งเกิดที่ดินแดนแถบนี้ไม่ได้เดินทางมาจากเมืองจีน (บางทีเรียก เตี่ยต่อเตี่ย คือ ทวดมาจากจีน ส่วนสถานที่เกิดไม่แน่ใจว่าเป็นปีนังหรือไทย)