ปัจจุบันไม่ว่าสถานศึกษาใดก็ตาม มักส่งเสริมให้นักศึกษาระดับปริญญาโท-เอกเขียนบทความทางวิชาการเป็นภาษาอักกฤษ เพื่อส่งเสริมให้เสนอต่อที่ประชุมวิชาการในระดับนานาชาติ การส่งเสริมเช่นนี้เป็นการยกระดับคุณภาพทางวิชาการไทยจริงหรือ นี้เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจผมขณะที่เรียนปริญญาโทอยู่ในขณะนี้ เหตุที่ผมคิดเช่นนั้นเรื่องจากบทความทางวิชาการบางอย่างที่เราทุ่มเทศึกษาค้นคว้าขึ้นมานั้น บางครั้งเต็มไปด้วยความยากลำบากซึ่งการจะนำเสนอบทความเหล่านั้นต่อที่ประชุมวิชาการในระดับนานาชาติก็เป็นสิ่งที่สมควร แต่ก็มีคำถามที่เกิดขึ้นในใจผมเสมอว่า "แล้วประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากบทความเหล่านี้" หลายๆ คนอาจจะตอบว่า นานาชาติจะได้รู้ว่าคนไทยเก่ง ทำได้ แต่ผมกลับมองในทิศทางตรงกันข้ามเนื่องจากประชากรในประเทศไทยนั้นใช้ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ดังนั้นบทความเหล่านั้นแทบจะไม่มีประโยชน์เลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยว่าบทความที่เป็นประโยชน์เหล่านั้นคนไทยที่ใช้ประโยชน์จริงๆ อ่านไม่ออก แปลออกมาแล้วความหมายไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของผู้เขียนเป็นต้น แล้วจะมีค่าอะไรต่อคนไทย จะกลายเป็นลิงได้แก้วหรือไม่ อันนี้เป็นประเด็นที่ต้องขบคิดกันต่อไป สุดท้ายแล้วภูมิปัญญาที่นักวิชาการทั้งหลายพยายามศึกษาค้นคว้ากลับกลายว่าประเทศอื่นได้ใช้งานกันอย่างทั่วถึงยกเว้นคนไทย ผมไม่คัดค้านที่จะนำเสนอบทความทางวิชาการเหล่านั้นแก่นานาประเทศ เพียงแต่อยากให้แปลหรือรวบรวมออกมาเป็นภาษาไทยบ้างเท่านั้น เนื่องจากที่ว่าเงินทุนวิจัยส่วนใหญ่ก็มักเป็นภาษีที่ชาวบ้านตาดำๆเสียให้แก่รัฐ จึงควรคำนึงถึงคนไทยบ้าง ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติว่าผมวิจัยเรื่องการเพิ่มผลผลิตยางพาราในจังหวัดกระบี่ แต่จะมีคนกระบี่สักกี่คนที่อ่านภาษาอังกฤตออกแล้วนำมาใช้จริง ผมฟันธงว่าเกษตรกรที่จักหวัดกระบี่ ไม่ถึง 1% ที่นำมาใช้ได้ หรือแทบจะเป็น 0 เสียด้วยซ้ำ กว่าทั้งจังหวัดจะรู้ข่าวสารเหล่านี้ ก็ใช้เวลา 2-3 ปี เนื่องจากมีตัวอย่าง กรณีการเติมสารบางอย่างลงไปในน้ำยางเพื่อลดการเปลี่ยนสียาง(ถ้าผมจำไม่ผิด) กว่าที่บ้านผมจะรู้และใช้กันอย่างจริงจังก็ล่วงเลยไปแล้ว 10 เดือน เพราะได้ยินข่าวว่าที่หมู่บ้านอื่นเขาใช้กัน และไม่มีใครยืนยันว่าสามารถใช้ได้จริง ส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในข่าวสารดังกล่าวด้วย
หากบทความเหล่านั้นมีประโยชน์ต่อคนไทยแล้ว น่าจะส่งเสริมให้แปลเป็นภาษาไทยด้วยเพื่อคนไทยจะได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง อย่างเพียงแต่คิดว่าชาวบ้านใช้ประโยชน์ไม่ได้แต่มันจะมีประโยชน์มากหากในอีก 2-3 ปีข้างหน้านักวิจัยรุ่นใหม่จะนำฐานความรู้ภาษาไทยเหล่านี้ไปบูรณาการความรู้กับศาสตร์ทางด้านอื่นๆ อย่างกว้างขวาง หากมองดูในสังคมอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันมีหลายๆ คนรณรงค์ให้ลด digital divide ลง แต่เหล่านักวิชาการมักจะเพิ่มช่องวางเหล่านี้ขึ้นมาเสมอ อีกทั้งเรายังไม่มีที่รวมรวมข้อมูลค้นคว้าวิจัยอย่างเป็นกิจจะลักษณะอีกด้วย คงยังอีกยาวไกลที่ประเทศไทยจะได้ใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างแท้จริงนอกจากวงการวิชาการ
มันเป็นแค่ทัศนคติของผมเท่านั้นนะครับ โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน และขอเน้นอีกครั้งผมไม่ได้ต่อต้านการนำเสนอบทความในระดับนานาชาติเพียงแต่เรียกร้องให้เรียบเรียงออกมาเป็นภาษาไทยด้วยเท่านั้นเองครับ
หากบทความเหล่านั้นมีประโยชน์ต่อคนไทยแล้ว น่าจะส่งเสริมให้แปลเป็นภาษาไทยด้วยเพื่อคนไทยจะได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง อย่างเพียงแต่คิดว่าชาวบ้านใช้ประโยชน์ไม่ได้แต่มันจะมีประโยชน์มากหากในอีก 2-3 ปีข้างหน้านักวิจัยรุ่นใหม่จะนำฐานความรู้ภาษาไทยเหล่านี้ไปบูรณาการความรู้กับศาสตร์ทางด้านอื่นๆ อย่างกว้างขวาง หากมองดูในสังคมอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันมีหลายๆ คนรณรงค์ให้ลด digital divide ลง แต่เหล่านักวิชาการมักจะเพิ่มช่องวางเหล่านี้ขึ้นมาเสมอ อีกทั้งเรายังไม่มีที่รวมรวมข้อมูลค้นคว้าวิจัยอย่างเป็นกิจจะลักษณะอีกด้วย คงยังอีกยาวไกลที่ประเทศไทยจะได้ใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างแท้จริงนอกจากวงการวิชาการ
มันเป็นแค่ทัศนคติของผมเท่านั้นนะครับ โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน และขอเน้นอีกครั้งผมไม่ได้ต่อต้านการนำเสนอบทความในระดับนานาชาติเพียงแต่เรียกร้องให้เรียบเรียงออกมาเป็นภาษาไทยด้วยเท่านั้นเองครับ
เห็นด้วยมากๆ
ตอบลบคนในประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง
แล้วมาแปลบทความภาษาอังกฤษ แถมแปลแล้วไม่รู้จะถูกตามเจตนารมณ์ของผู้เขียนมั้ย
ถ้ามีการเรียบเรียงออกมาเป็นภาษาไทยด้วยจะมีประโยชน์กว่านี้
แหม๋อุสาห์มาเม้นนะเธอ
ตอบลบ