ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Barcamp Songkhla III

หลังจากจบงานก็ควรเขียน blog เป็นที่ระลึกตามธรรมเนียม สำหรับงานครั้งนี้เป็นคนร่วมงานปล่อยให้น้องที่ภาควิชาดำเนินงานกันไป :D สำหรับคนสนใจงานครั้งที่แล้วสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ มอง Barcamp Songkhla II

พูดอะไรในงาน Barcamp Songkhla III
สำหรับครั้งนี้ได้เตรียมหัวข้อแบบจัดเต็ม 3 session ดังนี้
  • Python for Scientific Computing โดยร่วมพูดกับ @ibotdotout @superizer เนื้อหาเเป็นการแนะนำการใช้งาน Python สำหรับการประมวลผลทางวิทยาศาสตร์ โดยเน้นไปที่ NumPy SciPy SymPy OpenCV เนื้อหาไม่ได้เจาะจงอะไรเป็นพิเศษเน้นไปที่แนะนำให้รู้จักเสียมากกว่า แล้วมีกรณีศึกษาให้ดูในตอนท้ายด้วยเล็กน้อย สำหรับเซสชันนี้ได้รับความสนใจอยู่พอสมควร
  • C++11/14: a Review เซสชันนี้เป็นการบอกคร่าวๆ ว่า C++11/14 มีอะไรน่าสนใจบ้าง โดยร่วมพูดกับ @superizer เซสชันนี้มีคนสนใจมากเป็นพิเศษ 2 คน :D อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีคนสนใจ C++ มากแล้วก็ได้ T__T 
  • เรียน "ธรรมะ" จากชีวิตโปรแกรมเมอร์ เป็นการแนะนำธรรมะที่เคยเรียนรู้มาแล้วตอนมัธยมโดยอธิบายให้เข้ากับการเป็นโปรแกรมเมอร์ว่าเหตุใด ทำไม อย่างไร เราถึงได้ทุกข์ แล้วแก้มันอย่างไรโดยใช้วิธีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแนะนำไว้ เซสชันนี้คนเยอะกว่า C++11
สไลด์โหลดได้จากลิงค์ตามหัวข้อนะครับ นอกจากนี้ยังมีหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมาก ทั้งที่ได้เข้าฟัง และไม่ได้เข้าฟัง เช่น 
  • การถ่ายภาพโดยโปรแกรมเมอร์ โดย @maykungth 
  • เปลี่ยนเวลาว่างให้เป็นเงินด้วย Amazon โดย @dizzizdi 
  • ADS-B Flight Tracking โดย boto 
  • How to be Linux System Admin และ Cloud Computing Inside the Structure โดย @icez
  • AngularJS โดย Aj. Suthon 
  • Hacked by 1Bytes the Internet Worm/Trojan โดย BR1GH7N4RY
  • ทายนิสัยจาก Facebook โดย @makissy
  • Test Driven Development (TDD) โดย @sansarun_s
  • การพัฒนา Desktop Application ด้วย Gt webkit โดย @Yoschanin_s
  • Chromecast with node.js and raspberry pi โดย @nolifelover
  • etc.
บรรยากาศงานเป็นอย่างไร
ส่วนบรรยากาศของงานในปีนี้ถือว่าดีกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะคนเยอะมากๆ :D รู้สักว่าคึกคัก อีกทั้งยังมีน้องๆ ม. ปลายเขามาร่วมสัมผัสงานด้วย ถือว่าเป็นโอกาศที่ดีสำหรับการพัฒนาตัวเอง \o/ แต่ก็ยังมีส่วนที่น่าจะต้องปรับปรุงอยู่บ้างคือ หัวข้อที่เตรียมมานำเสนอยังน้อยไป เมื่อเทียบกับจำนวนคน ซึ่งก็มีหลายคนที่พูดไป 2 เซสชันเลยทีเดียว ต้องขอขอบคุณหลายๆ ท่านเหล่านั้นเป็นอย่างมาก โดยมากมักพูดว่าขอมาเก็บความรู้ แต่จากความเข้าใจของผมเองแล้วงาน BarCamp นอกจากมาเก็บความรู้แล้ว เราควรบอกให้คนอื่นรู้บ้างว่าเรารู้อะไรบ้าง จะได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนสิ่งที่เราคิดอยู่ว่ามันมีอะไรน่าสนใจกับคนอื่นบ้าง อีกอย่างนึงคือคนที่ลงทะเบียนแล้วไม่มา อยากบอกให้เขาเหล่านั้นทราบว่า การจัดงานมันเปลืองทรัพยากร แน่นอนว่าไม่มีใครบังคับ แต่ด้วยงานลักษณะนี้หากมีคนต้องการเข้าร่วมมากกว่าจำนวนที่รับได้ จะเป็นการกันที่คนอื่นโดยไม่จำเป็น ถือว่าเป็นคนความไม่รับผิดชอบอย่างรุ่นแรง หากว่าติดธุระสำคัญจริงๆ อันนี้ไม่ว่ากัน ถึงกระนั้นก็ยังมีคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนแล้วมาร่วมงานด้วย อันนี้ชื่นชมจากใจจริง :D

ส่งท้าย
อยากจะบอกว่า อาหารอร่อยมาก :D ขนมเยอะดี กินกันอิ่มมากๆ ต้องขอขอบคุณทีมงานทุกคนร่วมไปถึงผู้ให้การสนับสนุนทุกๆ ท่านเป็นอย่างสูง และอยากให้ปีหน้าจัดอีกนะครับ \o/

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวเอ๋ยตัวผม

กลอนนี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเขียนขึ้นมาในห้องเรียนวิชาสัมนา 1 เพราะอาจารย์อยากให้แนะนำตัวเองเป็นกลอน ไม่รู้จะแต่งว่าไงเลยแต่งออกมาเป็นดอกสร้อย เห็นว่าพอใช้ได้เลยเอามาลงไว้เป็นอนุสร ๏ ตัวเอ๋ยตัวผม นิยมในพระพุทธศาสนา ตั้งจิตตั้งใจตั้งหน้า ใฝ่หาความรู้สู่ตน ตั้งใจศึกษาให้เชี่ยวชาญ ชำนาญในศาสตร์ที่ฝึกฝน ฝึกจิตฝึกสันดานให้เป็นคน เป็นชนในชาติที่ดีเอย ๚ะ๛

บันทึกการจัดงานศพ: พิธีฌาปนกิจศพ

ตรงส่วนนี้คงจะเขียนเกี่ยวกับพิธียกศพออกจากบ้าน และเกร็ดต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากที่จัดงานจะไม่นิยมไว้ศพที่วัด จะไว้ศพที่บ้าน และถ้าเป็นไปได้จะไว้ศพในบ้านเสียด้วยซ่ำ เมื่อถึงวันฌาปนกิจศพ หรือเผาศพ ก็จะมีการเซ่นไหว้ครั้งใหญ่ก่อนเคลื่อนย้ายศพไปวัดเพื่อฌาปนกิจ เครื่องเซ่นไว้จะประกอบไปด้วย ข้าว 5 ถ้วย กับข้าว 5 อย่าง หัวหมู ไก่ต้ม ไข่ต้ม หมูสามชั้นต้ม หมี่เหลืองผัด กุ้ง หอย ปู ปลา ผลไม้ 5 อย่าง ขนมขึ้น เมื่อมีการเซ่นไหว้ทุกครั้งจะต้องมี สัปรด น้ำชา 3 จอก เหล้าขาว 5 จอก(หลานๆ บอกว่าเจ็คไม่กินเหล้าขาว แต่มีคนบอกว่าเป็นการไหว้ตามประเพณี ^^ ) ซึ่งแต่ละอย่างมีความหมาย แต่ผมจำไม่ได้ต้องหาอีกครั้งนึง ตัวอย่างเครื่องเซ่นไหว้ เมื่อถึงพิธีเซ่นไหว้ จะมีการเซ่นไหว้โดยแบ่งออกเป็นคณะ แต่เพื่อความสะดวกและรวบรัดจึงมีการไหว้เพียงไม่กี่คณะ ซึ่งก็เหมือนเดิมคือผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่าจะไม่รวมการเซ่นไหว้ครั้งนี้ คณะแรกจะเป็นผู้ไกล้ชิดผู้ตายมากที่สุดเริ่มตั้งแต่ลูกและภรรยา หลังจากนั้นก็จะเป็นน้องๆ แล้วก็หลานๆ และก็มิตรรักและผู้คนที่นับถือผู้ตาย หากเป็นเมื่อสมัยก่อนนั้น ต้องแยกออกเป็นเขย เป็นสะไภ้ ไหว้กันหลายยกหล

ด้วยระลึกถึงคุณย่า บันทึกจากความทรงจำ

บันทึกนี้เขียนขึ้นเพื่อบันทึกความทรงจำของผมที่มีต่อคุณย่าที่ล่วงลับไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนคืน คุณย่าเปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ร้อยครอบครัวใหญ่ของเราเอาไว้ไม่ให้แตกแยก หลังจากที่เสียคุณปู่ไปเมื่อ 23 ปีก่อน เนื่องจากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต มีชาวจีนอาศัยอยู่มาก แต่มักจะเป็นชาวจีนที่อพยพมาไทยนานแล้ว จากการการสังเกตของผม ชาวจีนแถบนี้โดยมากน่าจะเป็นชาว เปอรานากัน หรือชาวจีนที่อพยพมาจากจีนแล้วตั้งถิ่นฐานอยู่ในแหลมลายูหรืออินโดนีเซีย แล้วหลังจากนั้นจึงอพยพมาอาศัยต่อที่ประเทศไทย จากการบอกเล่าของคุณแม่ ก๋งเคยเล่าให้ฟังว่าตอนยังเด็กเคยแจวเรือจ้างอยู่ที่ปีนัง คุณย่าเคยเล่าว่าเป็นชาวฮกเกี้ยน อีกทั้วจากรูปวาดคุณย่าทวดที่มีการเกล้ามวยผม สวมเสื้อคอลึก ส่วนทางบ้านมีการใช้คำเรียกจีนผสมไทยถิ่นใต้อยู่มาก ผู้หญิงทุกคนนิยมสวมผ้าปาเต๊ะ เสื้อลูกไม้ (เสื้อฉลุลายดอกไม้) อาหารการกินเป็นแบบชาวไทยถิ่นใต้ทุกประการ (กินน้ำพริก แกงส้มเก่งกันทุกคน ยกเว้นก๋ง :D) อีกทั้งก๋งเกิดที่ดินแดนแถบนี้ไม่ได้เดินทางมาจากเมืองจีน (บางทีเรียก เตี่ยต่อเตี่ย คือ ทวดมาจากจีน ส่วนสถานที่เกิดไม่แน่ใจว่าเป็นปีนังหรือไทย)